VALORANT ดำเนินการมาใกล้จะครบสามปีแล้ว Queue แบบจัดอันดับน่าจะเป็นด่านสุดหินในเรื่องของสกิล ความเป็นไปได้ของ smurfs ในอันดับล่างๆ (ใช้เรียกผู้เล่นจากสกิลเลเวลสูงแต่เลือกเล่นในสกิลเลเวลต่ำกว่าระดับจริง) และอีกหลายปัจจัย บางครั้งผู้เล่นจะจัดทีม 5 ทีมกับเพื่อนแล้วช่วยกันขยับอันดับไปพร้อมกัน แต่ประสบการณ์ที่ได้รับก็ยังขึ้นกับความพยายามของแต่ละคนอยู่ดี ในบทความนี้ผมจะพาคุณไปสัมผัสประสบการณ์การเล่น Solo Queue พร้อมเคล็ดลับโดนใจช่วยให้คุณมีอันดับสูงขึ้น ไปดูกันเลยดีกว่า
เคล็ดลับในการเลื่อนอันดับในฐานะผู้เล่น Solo Queue
หากคุณคิดว่า Queue แบบจัดอันดับของ VALORANT นั้นค่อนข้างยาก บอกได้เลยว่า Solo Queue นั้นยากแบบทวีคูณขึ้นไปอีกแน่นอน ในบัญชีที่ผมใช้ผมสามารถไปถึงระดับ Silver 3 จากการเล่น Solo Queue เพียงอย่างเดียว จริงๆ กว่าจะไปถึงจุดนั้นจาก Iron 2 ก็ใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะ ไม่ใช่แค่อายุผมที่เป็นสาเหตุเท่านั้นนะ แต่ยังเป็นเพราะเพดานทักษะสูงเกินไปสำหรับผู้เล่นรุ่นเก๋าอย่างผมจะตามทัน เพราะความเข้าใจพื้นฐานของเกมอาจไม่เพียงพอ แต่ยังต้องใช้จินตนาการร่วมด้วย
แต่ยังมีวิธีบางอย่างที่คุณสามารถใช้เพื่อเลื่อนอันดับใน Solo Queue ได้จากข้อมูลที่ผมได้เรียนรู้เองตลอดระยะเวลาหลายปีบนโลกออนไลน์ดังต่อไปนี้
- ตั้งสติว่าคุณกำลังเล่นแบบจัดอันดับอยู่ เหตุผลบางประการทำให้ผู้เล่นเสียกำลังใจในการเล่นก็คือความยากในการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นจากระดับ Iron ข้ามไปยังระดับ Bronze แทบไม่มีความแตกต่างกันเลย ในขณะที่ระดับ Bronze ข้ามไปยัง Silver นั้นต่างกันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นระดับ Silver ประเภทใดก็ตาม คุณจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายและใช้กลไกพื้นฐานเพื่อเลื่อนอันดับ ดังนั้นการตั้งสติให้มั่นแล้วเตรียมตัวรับมือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในแมทช์ข้างหน้าจึงเป็นสิ่งจำเป็น
- คุณอาจต้องสร้างบัญชีเพื่อเกมจัดอันดับโดยเฉพาะ สำหรับผู้เล่น VALORANT ส่วนใหญ่แล้วมักเล่นบัญชีหลักเพื่อไต่อันดับ แต่ผมว่าถ้ามีบัญชีแยกต่างหากย่อมช่วยให้คุณโฟกัสกับสิ่งนั้นได้อย่างเต็มที่
- รู้ขีดจำกัดและเรียนรู้จากความผิดพลาดของคุณเอง เคล็ดลับง่ายๆ ที่ผู้เล่นอันดับสูงกว่าคอยบอกผู้เล่นคนอื่นอยู่เสมอ ผมอยากจะเสริมอีกอย่างก็คือในทัวร์นาเมนต์ LAN คุณต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และเรียนรู้ว่าสิ่งใดใช้ได้ผลหรือไม่ เทียบเท่ากับการรับรู้และก้าวข้ามขีดจำกัดของคุณเอง ยิ่งปรับตัวมากเท่าไรก็ยิ่งพัฒนาได้เร็วเท่านั้น แถมยังเลื่อนอันดับได้เร็วตามไปด้วย
- เรียนรู้การจับคู่และวิธีการรับมือ ผู้เล่นควรเรียนรู้เพิ่มเติมให้มากกว่าความรู้ขั้นพื้นฐาน (การเคลื่อนไหว การเล็ง การใช้ความสามารถ ฯลฯ) เรียนรู้การจับคู่และวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการใช้งานเอเจนต์แต่ละคน เพื่อต่อสู้กับทุกสถานการณ์ ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนและปรับตัวมากขึ้น
-
- คุณอาจต้องการเล่น “นอกเวลาปกติ” ส่วนหนึ่งของเกมจัดอันดับของฉันในฐานะ solo queue คือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “นอกเวลาปกติ” เพราะนั่นคือผู้เล่นจำนวนน้อยลงในช่วงเวลานั้น อีกทั้งยังมีเวลาได้เห็นข้อผิดพลาดของตัวเอง จากประสบการณ์ของผมการเล่นในช่วง “นอกเวลาปกติ” เปิดโอกาสได้ลองเล่นกับเอเจนต์บางคนโดยไม่ส่งผลกระทบกับอันดับของผมเอง เพราะฉะนั้นการรับรู้ว่าการเล่น “นอกเวลาปกติ” อาจช่วยคุณวิเคราะห์ส่วนต่างๆ ของเกมได้เข้าใจอย่างถ่องแท้มากขึ้น
- อย่าเล่นเมื่อคุณไม่อยากเล่น เคล็ดไม่ลับที่คุณน่าจะทราบดีว่าความคิดนั้นสามารถส่งผลต่อเกมของคุณได้ ไม่ว่าคุณจะเล่นเกมรูปแบบใดก็ตาม คุณอาจต้องการฝึกฝน The Range หรือเล่นเกม Spike Rush สักเกม แต่ไม่ควรเล่นนานไปกว่านี้ จากนั้นก็ไปดูเคล็ดลับข้อสุดท้ายกันต่อเลย …
- สนุกเพลิดเพลินให้เต็มที่ อีกส่วนที่สำคัญคือการเพลิดเพลินไปกับเกม ซึ่งขึ้นกับนิสัยและอารมณ์ส่วนตัวของคุณ คำถามบางอย่าง เช่น ต้องการเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองไหม ต้องการยิงทั่วๆ ไปหรือเปล่า ล้วนส่งผลต่อความสนุกไปกับการแข่งขันจัดอันดับ solo queue เพียงจำไว้อย่างเดียวว่าสนุกสนานให้เต็มที่ เรื่องแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา ผู้เล่นระดับเทพหลายๆ คนก็เพราะพวกเขาก็ผ่านกระบวนการนี้มาเหมือนกัน (รวมทั้งนำเคล็ดลับของผมไปใช้) เทียบกับ Zekken ของ Sentinel ที่มาจากระดับ Silver (ถือว่าเป็นหนึ่งในระดับล่างสุด); ตอนนี้เขาเป็นผู้เล่นระดับมืออาชีพในทีมสุดยิ่งใหญ่ระดับโลก เขาเชื่อหมดใจเลยว่าต้องผ่านความยากลำบากมาก่อน เมื่อเราพยายามเรียนรู้จากประสบการณ์ของเขาจะพบว่ากเผชิญหน้าและรู้ขีดจำกัดของตัวเองนั้นสำคัญเพียงใด
- เล่นอย่างมีเป้าหมาย ถ้าคุณไม่ได้เล่นในบทบาทของ Duelist งั้นก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์ด้านอื่นต่อทีม หากเล่นเป็น Initiators ให้พยายามเก็บทุกมุมด้วยการใช้ smoke โดยใช้ Controllers และตั้งค่าสำหรับโจมตีด้านข้างหากคุณเป็น Sentinel ทีมจะได้ประโยชน์จากความสามารถของคุณ คงจะรู้สึกดีมากเมื่อมีส่วนช่วยเหลือทีมใน solo queue ในกรณีคุณมีทีม 5 คนสุดทรงพลังนั่นเอง
- ฝึกใช้ 1 หรือ 2 เอเจนต์สำหรับแต่ละบทบาท ฉันเริ่มต้นด้วยการเป็น Viper เป็นหลัก จากนั้นค่อยเรียนรู้การเล่น Omen และ Astra แล้วตามด้วย Cypher เป็น Sentinel หลักของฉันก่อนที่จะใช้ Chamber และ Killjoy ฉันได้เรียนรู้ Sova ในฐานะ Initiator หลักก่อนที่จะใช้ KAY/O และ Fade หากเอเจนต์คนโปรดของคุณถูกเลือกไปก่อนแล้วคุณจำเลือกใครเป็นตัวสำรองกันล่ะ เพราะฉะนั้นคุณต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเอเจนต์ พร้อมกับเรียนรู้การจับคู่ไปด้วยเลยทีเดียว
- อย่าบังคับตัวเองให้สื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมทุกคน คุณสามารถ ping จากมุมของคุณหรือส่งสัญญาณเตือนไปยังเพื่อนร่วมทีมได้ แต่ส่วนใหญ่จะโฟกัสไปที่เกมของคุณเองมากกว่า จากนั้นก็สังเกตลักษณะเพื่อนร่วมทีมว่าพวกเขาสื่อสารกันอย่างไรทั้งในการแชทด้วยเสียงและข้อความ ถ้าเข้ากันได้ดีแม้จะแพ้ติดต่อกันมาหลายเกม คุณค่อยแนะนำเกี่ยวกับวิธีเล่นในแต่ละรอบได้ solo queue นั้นสื่อสารความคิดออกมาได้ยาก อาจเป็นเพราะกำแพงภาษาหรือผู้เล่นบางคนก็ดื้อรั้นเต็มที เพราะฉะนั้นการทำความเข้าใจในความคิดแต่ละคนอาจช่วยให้คุณสื่อสารกับพวกเขาได้ แต่ไม่ใช่เรื่องจำเป็นหรอกนะ
บทสรุป
ประสบการณ์การเล่น solo queue ใน VALORANT อาจเป็นสุดคาดเดาและเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เคล็ดลับเหล่านี้อาจช่วยคุณได้ เพียงแค่โฟกัสให้มั่น สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับมันตลอดสองแมทช์แบบจัดเต็ม
อย่าลืมเติม VALORANT Points ของคุณที่ Codashop เพราะเรามีวิธีที่รวดเร็วและสะดวกสบายในการซื้อ VALORANT Points เพียงระบุ Riot ID ของคุณ เลือกมูลค่า Points ที่ต้องการซื้อ ชำระเงินให้เสร็จสิ้น ทั้งง่าย รวดเร็ว และสะดวกสุดๆ