VALORANT เป็นหนึ่งในเกมสุดฮอตที่มีการสตรีมบน Twitch อย่างล้นหลาม บรรดาผู้เล่นสามารถแข่งกับผู้เล่นคนอื่นๆ ว่าใครจะเลือกอาวุธหรือตัวละครได้ดีกว่ากัน แต่ละคนมี MMR ซึ่งย่อมาจาก ‘ matchmaking rating คะแนนการจับคู่’ ซึ่งอัลกอริทึมนี้ใช้เพื่อกำหนดเลเวลของผู้เล่น รวมถึงความสามารถในการแข่งขันที่ถูกนำมาคำนวณในการจับคู่ แต่ MMR นั้นดูจากอะไรกันล่ะ
VALORANT Ranks
VALORANT มีอัตราการจัดอันดับหลากหลายแบบ ระบบนี้มีแปด (8) อันดับ, Iron, Bronze, Silver, Gold, Platinum, Diamond, Immortal และ Radiant ในแต่ละอันดับแบ่งออกเป็นอีกสาม (3) เลเวล ยกเว้น Radiant ซึ่งจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆเมื่อคุณเล่นแล้วชนะในเกม
อันดับในแรงค์ของ VALORANT ของคุณสะท้อนให้เห็นในประวัติการแข่งขัน ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอันดับสูงหรือต่ำกว่า พร้อมจำนวน rank points ที่ได้รับหรือเสียไป VALORANT แสดงแถบความก้าวหน้าเพื่อให้ผู้เล่นรู้ว่าพวกเขาเข้าใกล้อันดับถัดไปแล้วหรือยัง แต่หากแพ้ก็จะเสีย rank points ส่งผลให้พวกเขาขยับไปอันดับถัดไปได้ช้าลง
ระบบการจัดอันดับของ VALORANT ทำงานอย่างไร
คล้ายกับเกมอื่นๆ ระบบการจัดอันดับจะกำหนดความก้าวหน้าภายในเกมของคุณ รวมถึงการชนะและแพ้ใน VALORANT ซึ่งคะแนนนั้นจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับว่าคุณชนะหรือแพ้ในเกมยังไงล่ะ
ผู้เล่นสามารถเล่นเกมจัดอันดับได้ทันทีเมื่อไปถึงเลเวล 20 ดังนั้นคุณต้องเล่นโหมดเกมอื่น เช่น คลาสสิกเพื่อเพิ่มเลเวลไปให้ถึงเลเวล 20 ให้ได้ก่อน VALORANT กำหนดให้ผู้เล่นต้องเล่น (5) แมทช์แรกที่ระบบจัดให้ก่อน จากนั้นระบบจะประเมินความสามารถในการแข่งขันของคุณ โดยจับคู่สกิลให้เหมาะกับอันดับของคุณเอง
MMR vs. Ranking
สิ่งที่แตกต่างออกไปจาก rank rating (RR) บนโปรไฟล์ของคุณ คุณจะเห็น MMR ของคุณเมื่อคุณเลือกที่จะแชร์เท่านั้น ส่วน rank rating หรือการรีเซ็ตที่แตกต่างจาก MMR เนื่องจาก MMR ยังคงอยู่เหมือนเดิม ซึ่ง Riot ตั้งใจให้พื้นฐานของเกมให้คุณเข้าร่วมระหว่างการจับคู่นั่นเอง
การที่ Riot ใช้วิธีนี้ก็เพื่อให้แน่ใจว่า MMR และ RR ของคุณตรงกัน หาก RR ของคุณสูงกว่า MMR ก็มีโอกาสสูงที่คุณจะสูญเสีย RR มากขึ้น ระบบคิดว่าคุณอยู่ในอันดับที่ต่ำกว่าโดยประเมินจาก MMR ของคุณ
ในทางกลับกัน หากคุณมี MMR ที่สูงขึ้น คุณก็มีโอกาสได้รับมากขึ้นตามไปด้วย เมื่อคุณชนะและสูญเสียน้อยลงเพื่อไปถึง ‘อันดับตามจริง’ ของคุณ
ทุกวันนี้ผู้เล่น VALORANT ส่วนใหญ่นั้นอยู่ในอันดับ Silver จะมีแค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้เป็น Immortal แน่นอนว่าการจัดอันดับให้สูงกว่า Platinum นั้นเป็นเรื่องยาก เพราะการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้นแต่การคงอันดับสูงสุดของคุณนั้นยากยิ่งกว่ามาก คุณต้องเรียนรู้และวางแผนเกมของคุณอยู่ตลอดเวลา เพิ่ม MMR เพื่อรับ rank points เพิ่มขึ้น หลีกเลี่ยงการพ่ายแพ้ การตระหนักถึง MMR ทุกครั้งที่เล่นจะช่วยให้คุณมีอันดับที่สูงขึ้นได้อย่างแน่นอน
อย่าลืมเติม VALORANT Points ของคุณเพื่อลองใช้งาน Harbor ในการแข่งขันภายใต้ประสบการณ์การเล่นเกมรูปแบบใหม่ หรือซื้อ Battle Pass (หรือทั้งสองอย่าง) เพียงระบุ Riot ID ของคุณ เลือกมูลค่า Points ที่ต้องการซื้อ ชำระเงินให้เสร็จสิ้น จากนั้น Points ก็จะถูกเพิ่มไปยังบัญชี VALORANT ของคุณในทันที
