เหล่านักผจญภัยที่รักทุกท่าน ยินดีต้อนรับสู่ Ragnarok X: Next Generation! ได้เวลาออกสำรวจ Rune Midgard สุดตระการตายิ่งกว่าเดิม พร้อมกับผองเพื่อนของคุณ — ตั้งแต่ Prontera ไปจนถึง Payon รวมถึงสถานที่อื่นๆ ที่คุณคุ้นเคยใน Ragnarok Online ตามแบบฉบับสุดคลาสสิก ทั้งเหล่าผู้เล่นมือใหม่และบรรดาแฟนๆ RO มากประสบการณ์ ได้เข้าร่วมการผจญภัยแบบ open-world อันเต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจ! มาดูกันว่าคลาสต่างๆ จะมีรายละเอียดอย่างไร พร้อมกับเรียนรู้เคล็ดลับในการอัพเลเวลให้ตัวละครของคุณได้รวดเร็วทันใจ
คลาสใน Ragnarok X: Next Generation
ก่อนอื่นมาดูกันเลยว่าคลาสต่างๆ มีอะไรกันบ้าง ปัจจุบัน RoX มีคลาส 6 แบบ แตกต่างกันออกไป โดยแต่ละคลาสมีอยู่ 2 คลาสย่อย ส่วนใหญ่เป็นฟีเจอร์ Archetypes ในเกม RPG รูปแบบทั่วๆ ไป
-
Swordsman (Knight หรือ Crusader)
Swordsman เป็นคลาส DPS เขามักเป็นตัวสร้างดาเมจไปใน MMORPG พวกเขาสามารถใช้เกราะทรงพลังสุดแข็งแกร่ง ทำให้เหมาะกับการดูดซับพลังดาเมจขณะเป็นแนวหน้านำทีม ในช่วงต้นเกม Swordsman มีการโจมตี physical attack อันแข็งแกร่งและทรงพลัง พวกเขาสามารถใช้ดาบ 2 มือหรือมือเดียว (พร้อมโล่) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขามีสกิลดังต่อไปนี้ Bash, Magnum Break, Endure และ Provoke
Swordsman สามารถเลื่อนระดับเป็น Knight (สามารถอัพเกรดเป็น Lord Knight ได้) เพื่อทำหน้าที่เป็นสายแทงค์อย่างเต็มตัว หรือจะเป็น Crusader ซึ่งมีทักษะการป้องกันและความอดทนที่สูงกว่า
เลือกใช้คลาสนี้ได้เลย หากคุณต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Endless Tower & Instance run
-
Acolyte (Priest หรือ Monk)
Acolytes เป็นคลาสสายซัพพอร์ตใน RoX พวกเขาเชี่ยวชาญในด้านการให้ความช่วยเหลือผองเพื่อน ด้วยการใช้ Holy Light ซึ่งเป็นคลาสที่เต็มไปด้วยความเสียสละและรักความสงบนี้ แถมยังสามารถสร้างดาเมจแก่พวก Shadow และเหล่ามอนสเตอร์ทั้งหลายอีกด้วย พวกเขามีสกิลดังต่อไปนี้ Heal, Blessing, Holy Light และ Kyrie Eleison
Acolyte สามารถเลื่อนระดับเป็น Priest และ Monk เพื่อนำเสนอความเป็นสายซัพพอร์ตอย่างเช่น การฮีลและการบัฟให้กับเหล่าพันธมิตร Priest สามารถเลื่อนระดับเพื่อเป็น High Priest ผู้มีคาถาเหมาะกับสายซัพและการโจมตีได้มากยิ่งขึ้น
Acolytes จัดว่าเป็นคลาสที่ทุกคนต้องการมากที่สุดใน Ragnarok X: Next Generation เลยทีเดียว
-
Mage (Wizard หรือ Sage)
คลาส Mage ใน RoX มีความเชี่ยวชาญด้านการโจมตีด้วยเวทมนตร์ ด้วยการใช้พลังแห่งธาตุชนิดต่างๆ ให้เกิดความได้เปรียบสูงสุด ในฐานะของปรมาจารย์แห่งเวทย์มนตร์ลี้ลับ บทบาทหลักของคลาสนี้คือปล่อยพลังดาเมจแบบ AoE จากคาถาทำลายล้างต่างๆ พวกเขามีสกิลดังต่อไปนี้ Fire Bolt, Frost Diver, Firewall และ Soul Strike แต่พวกเขาก็มีข้อเสียอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือฝ่ายตรงข้ามสามารถยกเลิกคาถาขณะที่พวกเขากำลังร่ายได้เช่นกัน
Mage สามารถเลื่อนระดับไปยังคลาส Wizard และอัพเกรดให้เป็น High Wizard ในขณะที่คลาส Sage สามารถอัพเกรดให้เป็น Professor ได้
-
Thief (Assassin หรือ Rogue)
คลาส Thief เป็นสายโจมตีที่มี DPS สำหรับเป้าหมายเดี่ยวพลังสูง พวกเขาสามารถใช้อาวุธร้ายแรงเพื่อจัดการกับเหล่าศัตรูได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งยังมีความเฉลียวฉลาดแกมโกงในการต่อสู้ และสร้างพลังดาเมจมหาศาลแบบไม่รู้ตัวเลยทีเดียว พวกเขายังสามารถสร้าง DoT กับศัตรูโดยใช้ Poison พวกเขามีสกิลดังต่อไปนี้ Brute Force, Ambush, Venom Knife และ Hiding
Thief สามารถเลื่อนระดับเป็น Assassin และ Rogue ได้ ซึ่งคลาสย่อยเหล่านี้สามารถสร้างดาเมจได้อย่างมหาศาลจากการโจมตีอันทรงพลังนั่นเอง
-
Archer (Hunter หรือ Dancer)
คลาส Archer มักถูกใช้งานในการโจมตีจากระยะไกล และวางกับดักเพื่อป้องกันศัตรูเช่นเดียวกับพวก Mage พวกเขาสามารถปล่อยพลังดาเมจได้จากระยะไกล โดยใช้ธนูไม่ว่าจะเป็นขนาดยาวหรือสั้นก็ตาม พวกเขายังสามารถสร้างดาเมจแบบ AoE ได้อีกด้วย Archer สามารถรวบรวมพลังจากธาตุทั้งหลายอย่าง Holy, Water, Fire และ Earth ให้เหมาะกับลูกธนูของพวกเขาได้อย่างเหนือชั้น พวกเขามีสกิลดังต่อไปนี้ Double Strafe, Arrow Shower, Arrow Repel และ Ankle Snare
Archer สามารถเลื่อนระดับเป็น Hunter หรือ Dancer (กรณีที่เป็นตัวละครหญิง) หรือ Bard (กรณีที่เป็นตัวตัวละครชาย) โดยที่ Dancer จะเหมาะกับการเล่นในบทบาทของสายซัพมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ Hunter
คลาสประเภทนี้สามารถปล่อยพลังดาเมจใส่เป้าหมายแบบเดี่ยวได้สูงที่สุดในเกม
-
Merchant (Blacksmith หรือ Alchemist)
Merchant ที่ทุกคนรู้จักว่าเป็นชนชั้นเดียวที่ทำเงินได้ โดยอาศัยทักษะ Craft & Discount พวกเขาสามารถเปิดแผงขายของเพื่อขายสินค้าต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ในด้านการต่อสู้พวก Merchant สามารถใช้ขวานและรถเข็นเพื่อสร้างดาเมจได้ด้วยนะ! หรือจะสวมเกราะตัวหนาเพื่อช่วยในการป้องกันก็ได้เช่นกัน พวกเขามีสกิลดังต่อไปนี้ Midas Touch, Mammonite, Cart Revolution และ Crazy Uproar
Merchant สามารถเลื่อนระดับเป็น Blacksmith ได้ ซึ่งในภายหลังคุณสามารถเลื่อนระดับให้เป็น Master Smith ในขณะที่ Alchemist สามารถก้าวหน้าไปสู่ Bio Alchemist ในลำดับต่อไปด้วยเช่นกัน
ฟังทางนี้ให้ดี ในแต่ละคลาสนั้นจะเริ่มต้นเลเวล Novice หลังจากนั้นเมื่อคุณทำตามเงื่อนไขขั้นพื้นฐานสำเร็จ คุณจึงจะสามารถเลือก First Job Class ของคุณ (Swordsman, Acolyte, Mage ฯลฯ) พยายามอัพเลเวลคลาสของคุณไปให้ถึง Job Level 50 เพื่อปลดล็อก Second Job Class (Knight, Priest, Wizard ฯลฯ) ได้ในลำดับถัดไป
เคล็ดลับสำคัญเพื่อให้คุณอัพเลเวลใน Ragnarok X ได้ทันใจ
คำถามที่ผู้คนถามเกี่ยวกับเกมนี้บ่อยที่สุดข้อหนึ่งก็คือ “ฉันจะอัพเลเวลแบบรวดเร็วได้อย่างไร” เมื่อคุณเล่น RoX คุณจะต้องทำฟาร์มและทำการต่อสู้เพื่อเก็บสะสมประสบการณ์ เสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวละครและอุปกรณ์ของคุณ
การจะอัพเลเวลใน Ragnarok X ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ต้องจำให้ขึ้นใจไว้ว่า ประสบการณ์ทั้งสองประเภทภายในเกมเป็นสิ่งสำคัญ มีทั้ง Base Experience ที่เทียบกับ character level และ Job Experience ที่เกี่ยวข้องกับ job class level ของคุณ เราขอแนะนำให้คุณเรียงความสำคัญให้กับ Job Experience มากกว่าเพื่อช่วยให้คุณปลดล็อก Second Job Advancement Skill ได้อย่างรวดเร็ว หากคุณทำตามวิธีนี้แล้วล่ะก็ คุณจะสามารถเข้าถึงสกิลอันทรงพลังมากยิ่งขึ้น และใช้มันเพื่อเอาชนะพวกมอนสเตอร์เลเวลสูงๆ ได้อย่างง่ายดาย
คำแนะนำเพื่อช่วยให้คุณอัพเลเวลได้ทันใจ หาได้จากเคล็ดลับเหล่านี้:
- ทำ Main Quest ให้สำเร็จ นั่นเป็นสิ่งแรกที่คุณต้องทำทุกครั้งที่คุณเริ่มเล่นกับตัวละครใหม่ เควสเหล่านี้มักไม่มีความซับซ้อน แต่กลับให้ EXP อย่างมหาศาลเมื่อคุณทำได้สำเร็จ การต่อสู้เพียงไม่กี่ชั่วโมงในขณะที่ทำภารกิจหลักนั้น จะสามารถช่วยผลักดันให้คุณไปถึงเลเวล 25 ได้อย่างง่ายดาย
- เลือกจุดให้เหมาะในการฟาร์มพวกมอนสเตอร์ คุณสามารถดูรายชื่อมอนสเตอร์ได้จาก Recommended Training Points (คะแนนการฝึกที่แนะนำ) เพื่อค้นหามอนสเตอร์ที่ให้ EXP สูง อย่าลืมรักษาสมดุลตอนช่วงที่อยู่ในเลเวลสามเมื่อคุณฟาร์มมอนสเตอร์ให้ดี เพื่อไม่ให้ถูกหัก EXP หากต้องการไปถึงเลเวล 50 ให้เร็วกว่านั้น ให้คุณเลือกมอนสเตอร์ตามนี้ เช่น Poison Spore, Roda Frog, Caramel และ Martin
- ใช้ Odin’s Blessing ให้เกิดประโยชน์เพื่อรับ EXP มหาศาล คุณสมบัติของสิ่งนี้จะช่วยให้คุณได้รับ EXP จากมอนสเตอร์ได้เร็วขึ้น แถมยังเพิ่ม BaseEXP, JobEXP, DropRate และ Zeny หลังจากที่คุณเอาชนะศัตรูได้ 5 ตัวอีกด้วย เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ปกติในการคิลหนึ่งครั้งคุณจะได้รับ 20 EXP แต่คุณจะได้รับมากถึง 100 EXP การใช้งาน Odin’s Blessing จะถูกปิดไว้ในค่าเริ่มต้น เพียงแค่คุณคลิกไอคอน Odin บนหน้าจอและเปิดใช้งานได้ในทันที แต่ขอบอกไว้ว่าคุณจะสามารถปลดล็อก Odin’s Blessing ได้เมื่อคุณถึงเลเวล 25 ก่อนนะเพื่อน
- ทำภารกิจ CoC Mission ให้มากขึ้น คุณสามารถรับของรางวัล EXP มากมาย เพียงแค่คุณทำภารกิจ Chamber of Commerce Mission ให้สำเร็จ ซึ่งภารกิจ CoC เป็นภารกิจง่ายๆ ในแต่ละวันที่คุณได้รับมอบหมายให้ซื้อผลิตภัณฑ์บางอย่างจากคนในท้องถิ่นหรือคนจากเมืองอื่นๆ เมื่อคุณทำภารกิจสำเร็จ คุณจะได้รับ EXP และเหรียญ Gacha โปรดทราบว่าเมื่อคุณทำภารกิจ CoC ในเลเวลที่สูงขึ้น คุณก็จะได้รับรางวัล EXP ที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน
- ทำภารกิจ Mission Board quest ให้สำเร็จทุกวัน เพื่อรับ EXP สะสมให้มากยิ่งขึ้น สิ่งที่คุณต้องทำนั่นก็คือ เข้าไปที่เมนู Board quest และทำภารกิจที่มีอยู่ โดยที่คุณสามารถทำภารกิจได้ถึง 10 เควสต่อวันผ่าน Mission Board ที่พบได้ทั่วไปในทุกเมือง นอกจากนี้คุณยังจะได้รับ Zeny และ Odin’s Blessing เป็นของรางวัลอีกด้วยนะ
อย่าลืมว่าคุณสามารถเติมเพชรของ Ragnarok X: Next Generation ได้ใน Codashop เท่านั้น เพราะเราทำให้ปลอดภัยขึ้น เร็วขึ้น และสะดวกมากขึ้น พร้อมทั้งมีตัวเลือกการชำระเงินให้เลือกมากมายอีกด้วย